สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ร่วมเสวนาการดำเนินงานโครงการชีววิถี เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง สอศ. กับ กฟผ.

  16-10-2563
  000829

สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ร่วมเสวนาการดำเนินงานโครงการชีววิถีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง สอศ. กับ กฟผ.

ในวันที่ 17 กันยายน 2563 ณ วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี นายสุเทพ แก่งสันเทียะ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้ทำความร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ในการดำเนินโครงการชีววิถีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยการจัดกิจกรรมเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ การทำการเกษตรตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ให้กับนักเรียน นักศึกษา ครู และบุคลากรในสถานศึกษา ชุมชน หน่วยงานโดยรอบสถานศึกษา และตามแนวสายส่งของ กฟผ. มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2546 จนถึงปัจจุบัน มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยวิถีการดำเนินชีวิตแบบพออยู่พอกิน พึ่งพาตนเองได้ด้วยการทำการเกษตรแบบธรรมชาติ ลด ละ เลิกการใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง โดยได้มอบนโยบายให้วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีและวิทยาลัยประมง ทั่วประเทศดำเนินการ ต่อมาได้ขยายผลไปยังวิทยาลัยการอาชีพและวิทยาลัยเทคโนโลยีและการจัดการ ปัจจุบันมีวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการชีววิถีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน จำนวน 111 แห่ง เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง 4 เรื่อง ได้แก่ การเพาะปลูก การปศุสัตว์ การเลี้ยงสัตว์น้ำ และการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพแทนการใช้สารเคมี ทำให้สามารถลดต้นทุนจากการใช้สารเคมี สามารถดำรงชีวิตร่วมกับธรรมชาติ เพื่อที่จะได้รับผลผลิตที่ปลอดภัยจากสารพิษ ปลอดภัยต่อผู้บริโภคเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีและเกิดความยั่งยืนกับสังคม โดยมีศูนย์ประสานงานภาค 4 แห่ง สามารถดำเนินการได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในแต่ละภูมิภาค คือ

1. ศูนย์ภาคเหนือ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพะเยา

2. ศูนย์ภาคกลาง วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสระแก้ว

3. ศูนย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคาม 

4. ศูนย์ภาคใต้ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชุมพร

รวมทั้งจัดให้มีประเมินผลการดำเนินงานดีเด่น ทั้งในระดับภาค และระดับชาติ เป็นประจำทุกปี โดยกำหนดกิจกรรมที่ใช้ในการประเมิน 8 ประเภทได้แก่

ประเภทที่ 1 การดำเนินงานภายในวิทยาลัยดีเด่น

ประเภทที่ 2 ครู บุคลากรทางการศึกษา นำไปใช้และขยายผลดีเด่น

ประเภทที่ 3 นักเรียน นักศึกษาปัจจุบันนำไปใช้และขยายผลดีเด่น

ประเภทที่ 4 ราษฎรที่ได้รับความรู้จากวิทยาลัย และใช้ได้ผลดีเด่น

ประเภทที่ 5 ชุมชนที่ได้รับความรู้จากวิทยาลัย และใช้ได้ผลดีเด่น

ประเภทที่ 6  โรงเรียนที่ได้รับความรู้จากวิทยาลัย และใช้ได้ผลดีเด่น

ประเภทที่ 7 การคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ในโครงการชีววิถีฯ ดีเด่น และ

ประเภทที่ 8 งานวิจัยและนวัตกรรมในโครงการชีววิถีฯ ดีเด่น

ซึ่งมีผู้บริหาร และผู้รับผิดชอบโครงการ ของสถานศึกษา ที่เข้าร่วมโครงการกว่า 300 คน เข้าร่วมประชุมและรับมอบนโยบายแนวทางการดำเนินงาน รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่าต่อไป ในการดำเนินโครงการในปี 2564ซึ่งนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษาในวิทยาลัยเกษตรและวิทยาลัยประมง สังกัด สอศ. เพื่อการมีงานทำ พัฒนาสถานศึกษาให้เป็นผู้นำด้านการเกษตรและประมง เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีเกษตรให้กับเยาวชน เกษตรกรและชุมชน ยกระดับและพัฒนาการเรียนการสอนไปสู่ Digital Farming โดย

การนําวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการเกษตรให้มากขึ้น การบริหารจัดการน้ำ ดิน ปุ๋ยและป่าไม้ การใช้เทคโนโลยี เพื่อศึกษาพฤติกรรมของสัตว์ การสร้างการเรียนรู้แบบใหม่เพื่อนําข้อมูลมาวิเคราะห์ วางแผน ในการทํางานให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางการเกษตรและประมง สร้างนวัตกรรมตามความต้องการของพื้นที่ชุมชน ภูมิภาคหรือประเทศ รวมทั้งการเป็นผู้ประกอบการ จึงจําเป็นต้องบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย สถานประกอบการและภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ดังนั้น การทำงานในทุกมิติก็สามารถบูรณาการการทำงานร่วมกันได้โดยมีเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

 รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวปิดท้ายว่า โครงการชีววิถีฯ ที่ กฟผ. ร่วมมือกับ สอศ. มาจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 17 ปี จึงไม่ใช่เป็นเพียงโครงการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเท่านั้น แต่เป็นความร่วมมือร่วมใจที่ลงลึกถึง ครู นักเรียน บุคลากรทางการศึกษา กับ ผู้ประสานงานโครงการของหน่วยงานต่าง ๆ ของ กฟผ. ระยะเวลาที่ผ่านมาถือได้ว่า ทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมมือกันในการจัดกาอาชีวศึกษา ที่สอดคล้องกับการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และจะร่วมมือกันดำเนินโครงการชีววิถีฯให้บรรลุเป้าหมาย เพื่อประโยชน์สูงสุด ของทั้ง 2 หน่วยงาน ต่อไป

แหล่งอ้างอิง www.vec.go.th